พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พระยอดขุนพล เนื...
พระยอดขุนพล เนื้อดิน พิมพ์เล็ก กรุเตาทุเรียง จังหวัดสุโขทัย สภาพสมบูรณ์ครับ
พระกรุเตาทุเรียง เมืองศรีสัชนาลัย มีการกล่าวถึงครั้งแรกในหลักศิลาจารึกของ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยในครั้งอดีตนั้น ชาวเมืองศรีสัชนาลัย เป็นช่างที่มีฝีมือในการทำเครื่องปั้นดินเผาที่เรียกว่า เครื่องสังคโลก ได้ดี ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตและส่งออกไปค้าขายในอาณาจักรสุโขทัยและดินแดนไกล เครื่องสังคโลกนี้ปัจจุบันก็ยังผลิตอยู่

ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรได้เข้าไปสำรวจโบราณสถาน รวมทั้งมีการขุดปรับแต่งพื้นที่โบราณสถานต่างๆ ภายในเมืองศรีสัชนาลัย ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๗ เพื่อเตรียมจะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ทำให้พบแหล่งเตาเผา และเศษซากเครื่องสังคโลกโบราณที่จมดินอยู่สองฟากริมแม่น้ำยมพบเตาเผาต่างๆ เป็นจำนวนมากกว่า ๒๐๐ เตา ที่เขตบ้านป่ายาง บ้านเกาะน้อย บ้านหนองอ้อ และบริเวณวัดดอนลาน ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเนินดินคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ดินที่ทับถมสูงประมาณ ๒๔ เมตร บริเวณดังกล่าวเป็นเตาทุเรียงที่เผาเครื่องสังคโลกที่สำรวจพบอย่างเป็นทางการ

เตาที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์มีมากถึง ๒๑ เตา ในบริเวณบ้านป่ายาง บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยม เหนือแก่งหลวง อยู่ใกล้เมืองเก่าศรีสัชนาลัย ห่างจากกำแพงเมืองประมาณ ๕๐๐ เมตร

เตาที่พบนั้นแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มเตายักษ์ เป็นกลุ่มเตาที่อยู่ใกล้เมืองศรีสัชนาลัย มีเตาตั้งเรียงรายกันอยู่ ๑๕ เตา เป็นเตาที่เผาเครื่องถ้วยชาม และประติมากรรมลอยตัวขนาดใหญ่ รวมทั้งเครื่องประดับสถาปัตยกรรมต่างๆ เช่น ยักษ์ เทวดา มังกร ช่อฟ้า

เตายักษ์ เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกตามรูปประติมากรรมยักษ์สังคโลก ที่พบบริเวณเตาเหล่านี้

กลุ่มเตาตุ๊กตา เป็นกลุ่มเตาเผาที่อยู่ห่างจากกลุ่มเตายักษ์ออกมาทางทิศเหนือ ประมาณ ๖๐๐ เมตร พบซากเตา ๖ เตา กลุ่มเตาบริเวณนี้ผลิตประติมากรรมลอยตัวขนาดเล็ก ทั้งรูปคน และสัตว์

ลักษณะโครงสร้างของเตาเป็นเตาประทุน มีรูปทรงรี ก่อหลังคาโค้ง บรรจบกันคล้ายประทุนเรือ ตั้งอยู่บนพื้นลาดเอียง ๑๐-๓๐ องศา

ภายในเตาแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน คือ ช่องใส่ไฟ ห้องบรรจุภาชนะ และปล่องไฟ สันนิษฐานว่าในครั้งที่มีการขุดแต่งปรับพื้นที่ เพื่อเตรียมจะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานนี้เอง ทำให้มีผู้พบ พระพิมพ์เนื้อดินเผา ซึ่งภายหลังเรียกว่า “พระกรุเตาทุเรียง”

พระพิมพ์ที่พบในครั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อดินเผา มีหลากหลายพิมพ์จำนวนมากพอสมควร ทั้งพิมพ์ยอดขุนพล, พระร่วงแสดงพุทธกิริยาเปิดโลก, พระลีลานางระเวง, พระประทับนั่งปางมารวิชัย แบบเดียวกับที่พบในกรุวัดพญาดำ ที่เรียกกันทั่วไปว่า พระยอดธง กรุวัดพญาดำ พระพิมพ์ซุ้มระฆัง รวมทั้งพระพิมพ์อื่นๆ อีกมากมาย

คาดว่าพระส่วนใหญ่ที่พบบริเวณนี้จะถูกเผาด้วยอุณหภูมิสูงจึงทำให้เนื้อมีลักษณะแกร่ง แต่เนื่องจากขนาดของเตาเผาจัดว่ามีขนาดค่อนข้างเล็ก หากเทียบกับปริมาณของพระที่พบ ทำให้สีของเนื้อพระที่เผาแตกต่างกันออกไปตามแต่ระยะของการวางใกล้-ไกลของจุดวางไฟในเตา

บางองค์วางใกล้ระยะไฟทำให้ได้รับความร้อนสูงมาก เนื้อพระก็จะเป็นสีเขียว ทั้งยังมีการหลอมละลายของแร่ธาตุ จนกลายสีดำคล้ายยางมะตอยเป็นหยดๆ เล็กๆ บนผิวพระที่เรียกกันว่า “หมัดไฟ”

ถัดต่อจากสีเขียวก็จะออกสีดำ เนื้อสีผ่าน สีกะปิ สีแดง และเหลืองผิวไม้รวก ไปจนถึงสีพิกุลเข้ม แต่ส่วนมากมักจะพบสีผ่านจนกลายเป็นอัตลักษณ์เฉพาะ ทำให้นักสะสมทั่วไปใช้เป็นจุดพิจารณาพระกรุนี้นอกเหนือจากเนื้อหาของดินที่มีทั้งเนื้อละเอียดและกึ่งละเอียดกึ่งหยาบ
ผู้เข้าชม
943 ครั้ง
ราคา
-
สถานะ
บูชาแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
สุรินทร์ภักดี พระเครื่อง
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
surinphakdee
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
686-2-299xx-x

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
chaithawatPumneeแมวดำ99พระเครื่องโคกมนchathanumaanเปียโน
termboondigitalpluschaokohnattapong939sirachaErawan
BAINGERNNithipornKumpangBoy114vanglannaเทพจิระ
พล ปากน้ำบู๊ วีริชเจริญสุขน้ำตาลแดงChatcentralpraramsamนิธิพัฒน์พล
ปลั๊ก ปทุมธานีfuchoo18อ้วนโนนสูงKshopเธียรโกหมู

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1285 คน

เพิ่มข้อมูล

พระยอดขุนพล เนื้อดิน พิมพ์เล็ก กรุเตาทุเรียง จังหวัดสุโขทัย สภาพสมบูรณ์ครับ




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พระยอดขุนพล เนื้อดิน พิมพ์เล็ก กรุเตาทุเรียง จังหวัดสุโขทัย สภาพสมบูรณ์ครับ
รายละเอียด
พระกรุเตาทุเรียง เมืองศรีสัชนาลัย มีการกล่าวถึงครั้งแรกในหลักศิลาจารึกของ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยในครั้งอดีตนั้น ชาวเมืองศรีสัชนาลัย เป็นช่างที่มีฝีมือในการทำเครื่องปั้นดินเผาที่เรียกว่า เครื่องสังคโลก ได้ดี ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตและส่งออกไปค้าขายในอาณาจักรสุโขทัยและดินแดนไกล เครื่องสังคโลกนี้ปัจจุบันก็ยังผลิตอยู่

ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรได้เข้าไปสำรวจโบราณสถาน รวมทั้งมีการขุดปรับแต่งพื้นที่โบราณสถานต่างๆ ภายในเมืองศรีสัชนาลัย ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๗ เพื่อเตรียมจะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ทำให้พบแหล่งเตาเผา และเศษซากเครื่องสังคโลกโบราณที่จมดินอยู่สองฟากริมแม่น้ำยมพบเตาเผาต่างๆ เป็นจำนวนมากกว่า ๒๐๐ เตา ที่เขตบ้านป่ายาง บ้านเกาะน้อย บ้านหนองอ้อ และบริเวณวัดดอนลาน ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเนินดินคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ดินที่ทับถมสูงประมาณ ๒๔ เมตร บริเวณดังกล่าวเป็นเตาทุเรียงที่เผาเครื่องสังคโลกที่สำรวจพบอย่างเป็นทางการ

เตาที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์มีมากถึง ๒๑ เตา ในบริเวณบ้านป่ายาง บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยม เหนือแก่งหลวง อยู่ใกล้เมืองเก่าศรีสัชนาลัย ห่างจากกำแพงเมืองประมาณ ๕๐๐ เมตร

เตาที่พบนั้นแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มเตายักษ์ เป็นกลุ่มเตาที่อยู่ใกล้เมืองศรีสัชนาลัย มีเตาตั้งเรียงรายกันอยู่ ๑๕ เตา เป็นเตาที่เผาเครื่องถ้วยชาม และประติมากรรมลอยตัวขนาดใหญ่ รวมทั้งเครื่องประดับสถาปัตยกรรมต่างๆ เช่น ยักษ์ เทวดา มังกร ช่อฟ้า

เตายักษ์ เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกตามรูปประติมากรรมยักษ์สังคโลก ที่พบบริเวณเตาเหล่านี้

กลุ่มเตาตุ๊กตา เป็นกลุ่มเตาเผาที่อยู่ห่างจากกลุ่มเตายักษ์ออกมาทางทิศเหนือ ประมาณ ๖๐๐ เมตร พบซากเตา ๖ เตา กลุ่มเตาบริเวณนี้ผลิตประติมากรรมลอยตัวขนาดเล็ก ทั้งรูปคน และสัตว์

ลักษณะโครงสร้างของเตาเป็นเตาประทุน มีรูปทรงรี ก่อหลังคาโค้ง บรรจบกันคล้ายประทุนเรือ ตั้งอยู่บนพื้นลาดเอียง ๑๐-๓๐ องศา

ภายในเตาแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน คือ ช่องใส่ไฟ ห้องบรรจุภาชนะ และปล่องไฟ สันนิษฐานว่าในครั้งที่มีการขุดแต่งปรับพื้นที่ เพื่อเตรียมจะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานนี้เอง ทำให้มีผู้พบ พระพิมพ์เนื้อดินเผา ซึ่งภายหลังเรียกว่า “พระกรุเตาทุเรียง”

พระพิมพ์ที่พบในครั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อดินเผา มีหลากหลายพิมพ์จำนวนมากพอสมควร ทั้งพิมพ์ยอดขุนพล, พระร่วงแสดงพุทธกิริยาเปิดโลก, พระลีลานางระเวง, พระประทับนั่งปางมารวิชัย แบบเดียวกับที่พบในกรุวัดพญาดำ ที่เรียกกันทั่วไปว่า พระยอดธง กรุวัดพญาดำ พระพิมพ์ซุ้มระฆัง รวมทั้งพระพิมพ์อื่นๆ อีกมากมาย

คาดว่าพระส่วนใหญ่ที่พบบริเวณนี้จะถูกเผาด้วยอุณหภูมิสูงจึงทำให้เนื้อมีลักษณะแกร่ง แต่เนื่องจากขนาดของเตาเผาจัดว่ามีขนาดค่อนข้างเล็ก หากเทียบกับปริมาณของพระที่พบ ทำให้สีของเนื้อพระที่เผาแตกต่างกันออกไปตามแต่ระยะของการวางใกล้-ไกลของจุดวางไฟในเตา

บางองค์วางใกล้ระยะไฟทำให้ได้รับความร้อนสูงมาก เนื้อพระก็จะเป็นสีเขียว ทั้งยังมีการหลอมละลายของแร่ธาตุ จนกลายสีดำคล้ายยางมะตอยเป็นหยดๆ เล็กๆ บนผิวพระที่เรียกกันว่า “หมัดไฟ”

ถัดต่อจากสีเขียวก็จะออกสีดำ เนื้อสีผ่าน สีกะปิ สีแดง และเหลืองผิวไม้รวก ไปจนถึงสีพิกุลเข้ม แต่ส่วนมากมักจะพบสีผ่านจนกลายเป็นอัตลักษณ์เฉพาะ ทำให้นักสะสมทั่วไปใช้เป็นจุดพิจารณาพระกรุนี้นอกเหนือจากเนื้อหาของดินที่มีทั้งเนื้อละเอียดและกึ่งละเอียดกึ่งหยาบ
ราคาปัจจุบัน
-
จำนวนผู้เข้าชม
944 ครั้ง
สถานะ
บูชาแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
สุรินทร์ภักดี พระเครื่อง
URL
เบอร์โทรศัพท์
0870081414
ID LINE
surinphakdee
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 686-2-299xx-x




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี